chaicatawan

เท่ฉ่ำฝนที่ “ระนอง” 2คืน 3วัน

 
2-3 วันก่อน ผมไปเที่ยวระนองมา และได้ข้ามไปเที่ยวเกาะพยามด้วย แม้ว่าเกาะพยามจะเข้าช่วงโลว์แล้ว แต่ก็ยังน่าเที่ยว เพราะเราเที่ยวแบบชิวๆ ช้าๆ แถมค่าใช้จ่ายก็ถูกลง ทั้งค่าที่พัก และค่าเช่ามอเตอร์ไซค์





 
ระนอง 2คืน 3วัน
ทริปนี้ผมกับน้องชาย ขับรถไประนองครับ ใช้กูเกิ้ลแม็ปนำทาง เพราะเราต้องการดื่มด่ำความงามระหว่างทาง 2 ข้างถนนด้วย อีกอย่างระนองก็ไม่ได้ไกลมากครับ ขับราวๆ8ชั่วโมงเศษๆ


เหนื่อยก็จอดพัก หิวก็จอดกิน สวยก็จอดถ่าย อะไรมันจะฟินขนาดนั้น อิอิ

 
ซาลาเปาบ้านทับหลี
จุดแรกที่ต้องแวะแชะภาพ และเติมพลังงานก็คือ บ้านทับหลี อ.กระบุรีครับ แวะซื้อซาลาเปากินกันก่อน ใครผ่านมาทับหลี ไม่แวะกินซาลาเปา เขาว่า มาไม่ถึงครับ


 
ที่บ้านทับหลี มีซาลาเปาขายหลายเจ้า เรียงรายอยู่สองข้างทาง เลือกซื้อกันได้ตามสบาย ผมกับน้องซื้อมา 1 กล่อง มี12 ลูก ราคา60 บาท ลูกไม่ใหญ่มาก อร่อยครับ มีทั้งใส้หมูสับ ใส้ครีม ใส้สังขยา ใส้ถั่วดำ



 
ก้องวัลเล่ย์
จากนั้นขับไปเรื่อยๆ จุดหมายอยู่ที่ ก้องวัลเลย์ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่มีชื่อเสียงเรื่องกาแฟ ที่นี่มีกาแฟคั่วมือ เป็นกาแฟที่สดที่สุดในโลก ดังใกลไปถึงต่างประเทศ มีโรงคั่วกาแฟ มีการสาธิตการคั่วกาแฟด้วยมือแบบสดๆ

 
ก้องวัลเลย์ ตั้งอยู่ในหุบเขา บ้านบกกราย อ.กระบุรี จ.ระนอง สภาพพื้นที่เป็นสวนผสม ผลไม้ ยาง กาแฟ มีลำธารไหลผ่าน บรรยากาศดี



 
ที่ก้องวัลเลย์ มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ผลิตผลเกษตรและพื้นที่ทำการเกษตรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์แบบยั่งยืนสูงสุดและพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุดในรูปการแปรรูปผลิตภัณฑ์กาแฟภายใต้ชื่อ “ก้องกาแฟ” และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โฮมสเตย์ โฮมอินเตอร์ ภายใต้ชื่อ “ก้องวัลเลย์ ”

 
เรามาถึง ก้องวัลเล่ย์ บ่ายแก่ๆ (แก่พอๆกับคนเขียนนี่แหละ อิอิ ) จอดรถเสร็จก็รีบไปที่โรงคั่วกาแฟ โชคดีที่คุณก้อง เจ้าของก้องวัลเล่ย์อยู่ จริงๆควรโทรมานัดก่อนนะครับ
คุณก้อง เริ่มให้ความรู้เรื่องกาแฟ น่าสนใจมาก คุณก้องบอกว่า กาแฟ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากน้ำมัน ผมนี่อึ้งไป 5 วิกับอีก 2 สต็อป อิอิ



 
หลังจากนั้นคุณก้องก็สาธิตการคั่วกาแฟแบบสดๆ คั่วเสร็จก็รินใส่แก้วดื่มกัน ผมเองลืมเรื่องกาแฟที่เคยรู้จักมาก่อนหน้านี้ไปเลย โดยเฉพาะรสชาติของกาแฟคั่วมือสดๆที่ได้ดื่มในครั้งนี้ คุณก้องบอกว่ามันคือ น้ำผลไม้ชนิดหนึ่ง รสชาติดีมากๆ ดื่มเสร็จ แล้วตามด้วยน้ำเปล่า จะได้รสชาติหวานติดปาก


 
คุณก้องบอกว่า นี่คือกาแฟสด สดที่สุดในโลก แต่ถ้าจะดื่มแบบสดกว่านี้ ต้องดื่มบนต้นแล้วล่ะ 5555


 
หลังจากได้ความรู้ และอรรถรสใหม่ๆของกาแฟคั่วสดๆแล้ว เราก็เข้าพักในโฮมสเตย์ของก้องวัลเลย์ เป็นบ้านหลังเล็กๆ มีเสียงน้ำไหลขับกล่อม ราคา 500 บาทต่อคืน แต่ไม่มีแอร์นะครับ เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว นอน 2 คนกำลังดี


 
อรุณสวัสดิ์ สายหมอกฉ่ำๆ
เมื่อคืนเรานอนฟังทั้งเสียงน้ำไหล และเสียงฝน ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น แต่เราต้องรีบเดินทางต่อ เพราะอยากถึงเกาะพยาม เร็วๆ
ออกจาก ก้องวัลเล่ย์ราวๆ7 โมงเช้า ระหว่างทางไปท่าเรือ เราได้พบทะเลหมอกตามขุนเขาที่ขับผ่าน เป็นภาพที่สวยงาม แม้จะบันทึกได้แบบไม่ชัดนัก เพราะบางภาพถ่ายบนรถ แต่บางภาพเราก็จอดถ่าย พร้อมสูดโอโซนนอกรถไปในตัว


 
เกาะพยาม
เราถึงท่าเรือ ทันที่จะได้ลงเรือเที่ยว 9.30 น. ซื้อตั๋วเสร็จก็จอดรถตรงที่ซื้อตั๋วเลยไม่ต้องเสียค่าจอดรถ เราใช้บริการสปีดโบ๊ท ราคาตั๋วคนละ 350 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึงเกาะ แต่ถ้าไม่รีบ ก็ใช้บริการเรือธรรมดา Ferry Boat ก็ได้ครับ ราคาคนละ200 บาท ใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง นั่งไปแบบชิวๆ ไม่โยกเยก ถ่ายรูปสะดวก


 
ยินดีต้อนรับสู่เกาะพยาม
ทริปนี้บอกแล้วว่าเรา เที่ยวแบบ เท่ฉ่ำฝน น้องฝนมารับตั้งแต่ยังไม่ถึงท่าเทียบเรือเกาะพยามเลยครับ ติดอยู่บนท่าเรืออีกราวๆ30 นาทีได้กว่าฝนจะหยุด


 
หลังฝนหยุดก็ถ่ายรูปตัวเองก่อน แฮ่ๆ ก่อนที่จะโทรหาที่พัก ผมเสริซจากกูเกิล เพราะไม่ได้จองมาก่อน หน้าโลว์แบบนี้ ที่พักบนเกาะพยาม Walk In ได้เลยครับ


 
เราได้ที่พักชื่อ Rabbit Bungalow เป็นกระท่อมไม้ไผ่ ราคาคืนละ500 บาท เป็นห้องพัดลมครับ แต่ก่อนเราจะเข้าห้องพัก เราไปเช่ามอเตอร์ไซค์กันก่อน การเที่ยวบนเกาะพยาม เช่ามอเตอร์ไซค์ขับจะดีที่สุด เราได้มอเตอร์ไซค์จากร้านติ่ง ราคาวันละ150 บาท แถมน้ำมันให้นิดหน่อย ผมเลยซื้อน้ำมันเพิ่มอีก1 ขวด ราคา 35 บาท ขับได้ตลอดที่อยู่บนเกาะเลยครับ


 
จากนั้นก็แว้นเข้าที่พักก่อน ใช้กูกิ้ลแม็ปช่วย ทางบังกาโล แร๊บบิท เค้ามีป้ายบอกทางค่อนข้างเยอะ แต่กว่าจะเข้าที่พักได้ ต้องหลบฝนกันก่อน


 
Rabbit Bungalow
อยู่ท่ามกลางสวนยาง มีบ้านหลายหลัง มีป่าร่มรื่น มีบึงขนาดเล็ก ไม่ติดทะเลครับ แต่อยู่ห่างจากอ่าวเขาควายไม่ไกล แว้นแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว


 
ผมพักหลังนี้ครับ ราคา 500 บาท นอนกัน 2 คน ภายในห้องมีเตียง 5 ฟุต มีพัดลม มีมุ้ง ห้องน้ำในตัว ห้องแคบไปนิดนึง มีระเบียงหน้าบ้าน มีเปลให้นอนแล่น ในห้องน้ำมีสบู่และแชมพูสระผมให้ ไม่มีทีวี ไม่มีแอร์ ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น และมีไฟฟ้าให้ใช้เฉพาะเวลากลางคืน เวลา18.00 น. -07.00 น. เพราะที่เกาะ ไฟฟ้าแพงมาก จึงต้องใช้อย่างประหยัด
ผมเองเตรียมพัดลม USB อันเล็กๆมาด้วย พร้อมกับ Power Bank แล้วก็โคมไฟใช้ถ่าน2A อีก1 อัน ก็พอแก้ขัดได้ครับ
ปล. ถ้าจะนอนห้องแอร์ สนนราคาเริ่มต้นเกือบๆ2พัน ค่อนข้างแพงไปนิด แต่ก็สะดวกสบายครับ



 
อ่าวเขาควาย
จุดแรกที่ผมไปสำรวจคืออ่าวเขาควาย อยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก เป็นหาดที่โค้งเข้าหากัน คล้ายเขาควาย ความยาวประมาณ 2 กิโล ทรายขาว น้ำใส ทรายนุ่มเท้า
จุดเด่นที่ผมชอบมากคือ หินทะลุ มีอยู่เป็นกลุ่มๆเลย สวย แปลกตาดีครับ วันแรกที่ไปอ่าวเขาควาย ไม่มีแดดเลยครับ ฟ้าไม่สวย แต่วันรุ่งขึ้น พอมีแดดก็รีบไปถ่าย เลยรวมภาพของทั้ง 2 วันมาให้ชมครับ


 
นั่งชิงช้าเล่น ชิวๆ เหมือนเด็ก คริคริ


 
ครัวคุณเก้า
088 385 6763
อาหารเที่ยงและเย็นของเรา เราใช้บริการที่ร้านครัวคุณเก้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลที่พัก อาหารตามสั่งเริ่มจานละ70 บาท จานใหญ่มาก กินกันคนละจาน เรียกว่าจานเดียวอยู่เลยครับ



 
วัดเกาะพยาม
หลังจากนั้นแว้นไปที่ไหว้พระวัดเกาะพยาม ซึ่งอยู่ที่อ่าวแม่หม้าย เป็นวัดเพียงแห่งเดียวบนเกาะ ความโดดเด่นของวัดนี้ คือโบสถ์กลางน้ำ อยู่ไม่ไกลจากท่าเทียบเรือ มีสะพานยาวจากฝั่งไปยังตัวโบสถ์ นับว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเกาะพยาม



 
อ่าวเขาควาย อีกครั้งยามเย็น
ตอนเย็นแวะไปถ่ายที่อ่าวเขาควายอีกที ลุ้นแสงยามพระอาทิตย์ตก มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นไม่มาก ผมอยู่ถ่ายจนมืด มียุงรบกวนพอสมควร แต่ผมพกยาฉีดกันยุงมาด้วย เลยช่วยได้ครับ





 
อรุณรุ่งที่ Rabbit Bungalow
เช้านี้ผมตื่นค่อนข้างสาย ไม่ได้ไปถ่ายแสงเช้าที่ไหน ก็เดินเล่นบริเวณใกล้ๆที่พักนี่แหละครับ ธรรมชาติมากๆ มีนกเงือกให้ดูด้วย แต่ถ่ายไม่ทันครับ


 
สวัสดีอ่าวใหญ่
สายๆก็แว้นต่อครับ จุดหมายที่อ่าวใหญ่ แต่ระหว่างทางแวะถ่ายต้นกาหยู (มะม่วงหิมพานต์ )ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเกาะพยาม เราจะเจอต้นกาหยูเยอะมากบนเกาะ



 
ช่วงที่ผมมาเที่ยวเกาะพยาม ต้นกาหยู ไม่ออกผลแล้ว ผมจึงถ่ายก็อปปี้มาให้ดูครับ

 
ระหว่างทางไปอ่าวใหญ่ มีร้านขายของฝาก เราแวะชมการแปรรูปเม็ดกาหยู




 
ถึงแล้วครับ อ่าวใหญ่ เวลานี้ค่อนข้างเงียบ ทะลไม่ค่อยสวย อ่าวใหญ่ มีหาดที่ใหญ่มากครับ มีรีสอร์ทและร้านดื่มกินมากมายในยามหน้าไฮ แต่เวลานี้ ไม่ค่อยสวย รีสอร์ทหลายแห่งปิดบริการ เวลานี้อ่าวเขาควายจะสวยกว่า


 
น้ำมันขายเป็นขวด ขวดละ 35-40 บาท มีขายทั่วเกาะ

 
อาหารเช้าบวกเที่ยงแบบบ้านๆที่ ร้านขนมจีนป้าตุ๋ย
จากอ่าวใหญ่ เราจะไปต่อที่ The Blue Sky Resort ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่หรูที่สุดและแพงที่สุดบนเกาะพยาม มีไฟฟ้าให้ใช้ตลอดวัน แต่ก่อนถึงบลู สกาย เราขับมาผ่านท่าเทียบเรือ และร้านขนมจีนป้าตุ๋ย ก็เลยแวะทานข้าวกันก่อน



 
ร้านป้าตุ๋ยมีทั้งขนมจีนและข้าวแกงแบบใต้ รสชาติจัดจ้าน พร้อมด้วยขนมให้กินล้างปากอีกด้วย สนนราคาไม่แพงครับ เรากินกัน 2 คน กับ 2 อย่าง มีผักและน้ำพริกกะปิให้ ข้าวเปล่า3จาน น้ำฟรี เพียง160 บาทครับ

 
The Blue Sky Resort
อิ่มแล้วก็ไปต่อครับ ไปที่ The Blue Sky Resort รีสอร์ทที่ทำให้เกาะพยามดัง เพราะตัวรีสอร์ทคล้ายๆกับรีสอร์ทที่มัลดีฟ โดยเฉพาะเวลาน้ำขึ้นจะสวยมาก แต่ผมไปตอนน้ำลงครับ แฮ่ๆ เศร้าแพร่บ


 
ลาก่อน เกาะพยาม
เราเช็คเอ้าท์จาก Rabbit ตอนเที่ยงกว่าๆ แล้วก็คืนมอเตอร์ไซต์ พร้อมกับซื้อตั๋วสปีดโบ๊ทที่ร้านติ่งเลยครับครับ คนละ 350 บาท 2 คน 700 บาท ซื้อรอบเวลา บ่ายโมงครึ่ง

 
เมืองระนอง ต้องเที่ยว
เราถึงฝั่งเมืองระนอง ประมาณบ่าย 2 โมง ชมเมืองระนองกันสักหน่อย ในเมืองระนอง เราจะเห็น 2 แถวไม้วิ่งไปมามากมาย เป็นสัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองระนอง และนอกจากนี้ ยังมีชาวเมียนมาร์ เพื่อนบ้านเรา เข้ามาทำงานมากมาย เราจะเห็นตัวหนังสือของเมียนมาร์ เต็มไปหมด






 
เตร่ๆ เท่ๆ ในเมืองระนองสักพักใหญ่ ก็ไปต่อ ไปที่ ภูเขาหญ้าครับ



 
ภูเขาหญ้า
ภูเขาหญ้า ระนอง ตั้งอยู่บนนถนนเพชรเกษม ( ถนนหมายเลข4 ) ชาวระนองเรียกว่า “เขาหัวโล้น” หรือ เขาผี อยู่ห่างจากตัวเมืองระนองแค่เพียง 13 กิโลเมตรทางไปพังงา เป็นจุดเช็คอินดัง ที่ใครๆมาระนอง ก็ต้องมาถ่ายรูปที่นี่ จะว่าไปดูๆแล้วก็ไม่ได้สวยมากนะครับ แต่เวลาคนมาถ่ายรูปกับภูเขาหญ้า ทำไมมันสวยจัง เขาว่า ภูเขาหญ้า จะมีความสวยต่างกันในแต่ละฤดู เพราะเป็นภูเขาหญ้า 2 สี

 
ผมมาครั้งนี้เดือนพฤษภาคม 62 หญ้าเป็นสีเขียวแล้ว แต่หญ้ายังไม่เยอะ บางจุดมองเห็นดินกันเลย อีกเดือน2เดือนน่าจะเขียวสวยกว่านี้ และจะเขียวจนถึงเดือนตุลาคม


 
ส่วนช่วงเดือนพย. ถึงเดือนเมษา หญ้าจะเป็นสีทอง งามอร่ามตา (ในภาพ ถ่ายเดือนพย.)



 
ตรงข้ามภูเขาหญ้า มีน้ำตกหงาว ที่ใหญ่มาก มองเห็นเด่นแต่ไกลเลย แต่ผมไม่ได้เข้าไปเที่ยว เพราะเท่าที่มองจากระยะไกล เห็นแล้วว่าน้ำน้อย เลยไม่ไปดีกว่า


 
จากนั้น ก็ได้เวลา อำลา ระนอง เมืองฉ่ำๆ ฝนแปดแดดสี่ กันแล้ว เราขับกลับโดยใช้เส่นทางเดิมครับ ถนนสวยๆ ฉ่ำๆ เราขับกลับกรุงแบบเท่ๆ


 
เที่ยวไปยิ้มไป เมืองไทยของเรา

ชายคาตะวัน
 

Comments

comments

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *